JavaScript (JS) เป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้งานได้หลายด้าน โดยเฉพาะในเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทำให้หน้าเว็บมีความโต้ตอบและมีฟังก์ชันที่หลากหลายขึ้น การเรียนรู้ Syntax ของ JavaScript เป็นเรื่องสำคัญเพราะมันเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้โปรแกรมทำงานได้ตามที่เราต้องการ
1. ตัวแปร (Variables)
ใน JavaScript สามารถประกาศตัวแปรได้โดยใช้คำสำคัญ var
, let
, หรือ const
ซึ่ง let
และ const
เป็นวิธีที่แนะนำมากกว่า เนื่องจาก var
มีปัญหาเรื่องการ scope ที่ไม่ชัดเจน
var ใช้ประกาศตัวแปรทั่วไป
var name = "John"; // ประกาศตัวแปร name
let ใช้สำหรับตัวแปรที่ต้องการเปลี่ยนค่าได้
let age = 25; // สามารถเปลี่ยนค่าได้
age = 26;
const ใช้สำหรับตัวแปรที่ค่าคงที่ ไม่สามารถเปลี่ยนค่าได้
const pi = 3.14159; // ไม่สามารถเปลี่ยนค่าได้
2. ชนิดข้อมูล (Data Types)
JavaScript รองรับหลายชนิดข้อมูล เช่น
String ข้อความ
let greeting = "Hello World!";
Number ตัวเลข (ทั้งจำนวนเต็มและทศนิยม)
let age = 30;
let price = 9.99;
Boolean ค่าจริงหรือเท็จ (true/false)
let isAvailable = true;
Array กลุ่มของข้อมูล
let fruits = ["apple", "banana", "cherry"];
Object เก็บข้อมูลแบบคู่ค่า (key-value)
let person = {
name: "Alice",
age: 25,
city: "New York"
};
3. Operators (ตัวดำเนินการ)
ตัวดำเนินการคณิตศาสตร์ ใช้ในการคำนวณ เช่น บวก (+
), ลบ (-
), คูณ (*
), หาร (/
)
let x = 5;
let y = 3;
let sum = x + y; // ผลลัพธ์คือ 8
ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ ใช้ในการเปรียบเทียบ เช่น เท่ากัน (==
), ไม่เท่ากัน (!=
), มากกว่า (>
), น้อยกว่า (<
)
let a = 10;
let b = 20;
console.log(a == b); // ผลลัพธ์คือ false
ตัวดำเนินการตรรกะ ใช้ในเงื่อนไข เช่น AND (&&
), OR (||
), NOT (!
)
let x = true;
let y = false;
console.log(x && y); // ผลลัพธ์คือ false
4. เงื่อนไข (Conditional Statements)
ใช้ในการตัดสินใจทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนด
if…else ใช้เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขและทำงานตามเงื่อนไขนั้น
let age = 18;
if (age >= 18) {
console.log("You are an adult.");
} else {
console.log("You are not an adult.");
}
switch ใช้เมื่อต้องการตรวจสอบหลายเงื่อนไข
let color = "red";
switch (color) {
case "red":
console.log("Color is red");
break;
case "blue":
console.log("Color is blue");
break;
default:
console.log("Color is unknown");
}
5. Loops (การวนซ้ำ)
ใช้สำหรับทำงานซ้ำ ๆ ตามที่เรากำหนด
for loop วนซ้ำตามจำนวนครั้งที่กำหนด
for (let i = 0; i < 5; i++) {
console.log(i); // ผลลัพธ์คือ 0, 1, 2, 3, 4
}
while loop วนซ้ำตราบใดที่เงื่อนไขยังเป็นจริง
let i = 0;
while (i < 5) {
console.log(i);
i++;
}
6. Functions (ฟังก์ชัน)
ฟังก์ชันคือกลุ่มของโค้ดที่สามารถเรียกใช้ซ้ำได้
การประกาศฟังก์ชัน
function greet(name) {
console.log("Hello " + name);
}
greet("John"); // เรียกใช้ฟังก์ชัน ผลลัพธ์คือ Hello John
ฟังก์ชันแบบลูกศร (Arrow Functions)
const add = (a, b) => a + b;
console.log(add(5, 3)); // ผลลัพธ์คือ 8
7. การจัดการ DOM (Document Object Model)
JavaScript สามารถใช้จัดการองค์ประกอบ HTML ผ่าน DOM ได้
การเลือกองค์ประกอบ
let element = document.getElementById("myElement");
การแก้ไขเนื้อหาขององค์ประกอบ
element.innerHTML = "Hello, World!";
8. Event Handling (การจัดการเหตุการณ์)
JavaScript สามารถตรวจจับเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การคลิก หรือการเลื่อนเมาส์
ตัวอย่างการจัดการคลิก
let button = document.getElementById("myButton");
button.addEventListener("click", function() {
alert("Button clicked!");
});
9. Asynchronous Programming (การเขียนโปรแกรมแบบไม่ประสานเวลา)
JavaScript รองรับการทำงานแบบ asynchronous ผ่านการใช้ setTimeout
, setInterval
, Promises
, และ async/await
setTimeout รันโค้ดหลังจากเวลาที่กำหนด
setTimeout(function() {
console.log("Hello after 2 seconds");
}, 2000);
Promises ใช้จัดการ asynchronous actions
let promise = new Promise(function(resolve, reject) {
let success = true;
if (success) {
resolve("Success!");
} else {
reject("Failure!");
}
});
promise.then(function(result) {
console.log(result);
});
10. Error Handling (การจัดการข้อผิดพลาด)
JavaScript มีวิธีการจัดการข้อผิดพลาดผ่านการใช้ try...catch
ตัวอย่างการใช้ try…catch
try {
let result = riskyFunction();
} catch (error) {
console.log("An error occurred: " + error.message);
}
นี่เป็นเพียงพื้นฐานของ JavaScript Syntax ซึ่งยังมีฟีเจอร์และฟังก์ชันที่ลึกซึ้งกว่านี้ในการเขียนโปรแกรม ซึ่งจะได้เรียนในบทต่อๆไป