การติดตั้ง PHP

การติดตั้ง PHP บนเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ (Windows, macOS, หรือ Linux) และวิธีที่คุณต้องการใช้ในการพัฒนา เช่น การติดตั้ง PHP เดี่ยว ๆ หรือการใช้แพ็คเกจที่มี Apache, MySQL, และ PHP (เช่น XAMPP, WAMP) ในการอธิบายการติดตั้งนี้ ผมจะแนะนำทั้งสองวิธี

1. การติดตั้ง PHP ด้วยการติดตั้งชุดซอฟต์แวร์ (เช่น XAMPP, WAMP)

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น เนื่องจากซอฟต์แวร์เหล่านี้จะติดตั้ง PHP, Apache (เซิร์ฟเวอร์เว็บ) และ MySQL (ฐานข้อมูล) ในตัวเดียว

ติดตั้ง XAMPP (สำหรับ Windows, macOS และ Linux)

ดาวน์โหลด XAMPP: ไปที่ เว็บไซต์ XAMPP แล้วเลือกเวอร์ชันที่รองรับระบบปฏิบัติการของเรา

ติดตั้ง XAMPP

  • บน Windows คลิกที่ไฟล์ .exe ที่ดาวน์โหลดมา และทำตามขั้นตอนการติดตั้ง
  • บน macOS เปิดไฟล์ .dmg และลากไฟล์ไปที่โฟลเดอร์ Applications
  • บน Linux แตกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา และทำตามคำแนะนำในการติดตั้งจากเว็บไซต์

เปิด XAMPP Control Panel

  • เปิด XAMPP และเริ่มต้น Apache (เซิร์ฟเวอร์เว็บ) และ MySQL (ฐานข้อมูล)

ทดสอบ PHP

  • เปิดเบราว์เซอร์ และพิมพ์ http://localhost ในแถบที่อยู่ คุณควรเห็นหน้าเว็บของ XAMPP ที่แสดงผลการทำงาน

สร้างไฟล์ PHP ตัวอย่าง

ไปที่โฟลเดอร์ htdocs (ปกติจะอยู่ที่ C:\xampp\htdocs\ บน Windows)

สร้างไฟล์ชื่อ test.php ด้วยเนื้อหาดังนี้

<?php phpinfo(); ?>

เปิดเบราว์เซอร์และไปที่ http://localhost/test.php คุณควรเห็นหน้าข้อมูล PHP แสดงผล

ติดตั้ง WAMP (เฉพาะ Windows)

  1. ดาวน์โหลด WAMP ไปที่ เว็บไซต์ WAMP และดาวน์โหลดเวอร์ชันที่รองรับ
  2. ติดตั้ง WAMP คลิกที่ไฟล์ .exe ที่ดาวน์โหลดมา และทำตามขั้นตอนการติดตั้ง
  3. เปิด WAMP หลังการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้เปิดโปรแกรม และเปิดใช้งาน Apache และ MySQL
  4. ทดสอบ PHP สร้างไฟล์ PHP ตัวอย่างในโฟลเดอร์ www ของ WAMP (คล้ายกับ XAMPP)

ติดตั้ง MAMP (สำหรับ macOS)

  1. ดาวน์โหลด MAMP ไปที่ เว็บไซต์ MAMP และดาวน์โหลดเวอร์ชันที่รองรับ
  2. ติดตั้ง MAMP เปิดไฟล์ .dmg และติดตั้งโปรแกรมตามคำแนะนำ
  3. เปิด MAMP เปิดโปรแกรมและเริ่มใช้งาน Apache และ MySQL
  4. ทดสอบ PHP ทำตามขั้นตอนการทดสอบ PHP คล้ายกับ XAMPP

2. การติดตั้ง PHP ด้วยตัวเอง

หากคุณต้องการติดตั้ง PHP ด้วยตัวเองเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

การติดตั้ง PHP บน Windows

  1. ดาวน์โหลด PHP ไปที่ php.net และดาวน์โหลดเวอร์ชัน Non Thread Safe แบบ Zip
  2. แตกไฟล์ PHP สร้างโฟลเดอร์ใหม่ (เช่น C:\php\) และแตกไฟล์ Zip ของ PHP ลงในโฟลเดอร์นั้น
  3. ตั้งค่าตัวแปร Environment Variable
    • คลิกขวาที่ My Computer หรือ This PC แล้วเลือก Properties
    • เลือก Advanced system settings จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Environment Variables
    • ใน System variables เลือก Path แล้วคลิก Edit
    • เพิ่มเส้นทางโฟลเดอร์ PHP (เช่น C:\php\) ลงในรายการ
  4. ตั้งค่าไฟล์ php.ini
    • ค้นหาไฟล์ php.ini-development ในโฟลเดอร์ PHP ที่แตกไฟล์ไว้ แล้วคัดลอกและเปลี่ยนชื่อเป็น php.ini
    • แก้ไขไฟล์ php.ini เพื่อเปิดใช้ส่วนขยายที่ต้องการ (เช่น extension=mysqli)
  5. ทดสอบ PHP
    • เปิด Command Prompt และพิมพ์ php -v หากทุกอย่างถูกต้อง คุณจะเห็นเวอร์ชันของ PHP แสดงขึ้นมา
  6. ติดตั้ง Apache (ถ้ายังไม่ได้ติดตั้ง)
    • ดาวน์โหลด Apache จาก เว็บไซต์ Apache Lounge
    • ทำการติดตั้ง Apache และแก้ไขไฟล์ httpd.conf เพื่อเชื่อมต่อกับ PHP
  7. ทดสอบ PHP บน Apache
    • แก้ไขไฟล์ httpd.conf ของ Apache เพื่อระบุเส้นทางไปยังไฟล์ PHP

การติดตั้ง PHP บน macOS

  • ใช้ Homebrew macOS มาพร้อมกับ PHP รุ่นเก่า แต่สามารถติดตั้ง PHP เวอร์ชันล่าสุดผ่าน Homebrew ได้

เปิด Terminal และพิมพ์คำสั่ง

brew install php
  • ทดสอบ PHP หลังการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้พิมพ์ php -v ใน Terminal เพื่อดูเวอร์ชันของ PHP

การติดตั้ง PHP บน Linux (เช่น Ubuntu)

  • ใช้คำสั่ง apt สามารถติดตั้ง PHP ได้อย่างง่ายดายด้วยคำสั่ง apt

เปิด Terminal และรันคำสั่ง

sudo apt update
sudo apt install php libapache2-mod-php
  • ทดสอบ PHP หลังการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้พิมพ์ php -v ใน Terminal เพื่อดูเวอร์ชัน

สรุป

สำหรับมือใหม่ ใช้ XAMPP, WAMP, หรือ MAMP เพื่อติดตั้ง PHP อย่างง่ายดาย

สำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งเอง ติดตั้ง PHP ด้วยตัวเอง และตั้งค่า Apache หรือเซิร์ฟเวอร์อื่นตามต้องการ

Leave a Reply